ถ้าพบว่า เวลาจะใส่ Code บน Form ที่เราสร้างบน InfoPath อย่างเช่น เราจะใส่ Code ตอน Loading Event (อยู่ใน Tab Developer)

sharepoint error infopath

        ปรากฎว่าขึ้นหน้าต่างแจ้งเตือนขึ้นมาให้ Enable Feature ดังที่ปรากฎด้านล่าง หรือ Error ว่า InfoPath cannot start Microsoft Visual Studio Tools for Applications.

sharepoint error vba infopath
       เรามาดูวิธีแก้กันคะ ตามนี้เลย
       1. ไปที่ Control Panel >Programs>Programs and Features
       2. ไปคลิกที่ Microsoft Office Professional Plus2010 (แอดมินใช้ Microsoft Office Professional Plus2010  ) อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับรุ่นของ Microsoft
             Office ที่ผู้ใช้ใช้กันนะคะ
       3.  คลิก Change
       4.  ติ๊กที่ Add or Remove Features
       5. เสร็จแล้วไปดูในส่วน Microsoft InfoPath  ให้ติ๊กเลือก .NET Programmability Supports และติ๊กที่ Visual Studio Tools for Applications
       6. กดปุ่ม Continue แล้วรอเวลาสักหน่อยเพื่อให้มันทำการเปลี่ยนค่าให้เรา เสร็จแล้วก็กดปุ่ม Close เพื่อเสร็จการแก้ไขค่านี้คะ

       เป็นอันเรียบร้อยคะ เสร็จแล้วเราก็เปิด Microsoft InfoPath ขึ้นมาใหม่ ก็จะพบว่าสามารถกดปุ่มเพื่อ Edit Code ได้แล้วคะ

CSS Reference Chart for SharePoint (2007 , 2010)

Posted: สิงหาคม 22, 2011 in CSS, CSS, SharePoint 2007, SharePoint 2010
ป้ายกำกับ:, ,

               ไปเจอข้อมูล CSS ที่ถูกสรุปมาเป็น Chart ทำให้สะดวกเวลาจะแก้ไข CSS ใน SharePoint 2007 และ 2010 ตาม Link ด้านล่างเลยนะคะ
                SharePoint 2007 : http://www.heathersolomon.com/content/sp07cssreference.htm#WebParts
                SharePoint 2010 :  http://sharepointexperience.com/csschart/csschart.html?utm_source=spexp.me&utm_medium=urlshortener

 


               เดือนก่อน ต้องทำ Report หลายตัว ที่มีรูปแบบเหมือนๆ กัน เช่น Header , Footer   เป็นต้น ก็เลยหาวิธีที่ไม่ต้องมาสร้าง Report ทีละอัน ใส่ Header ที่ซ้ำๆกัน ในทุกๆ Report เอง  ก็เลยรู้ว่า เราก็เอา Report ที่เป็น .rdl  ที่เราทำนั้น ซึ่งอยู่ใน Path C:\Users\ชื่อของ User\Documents\Visual Studio 2008\Projects\ชื่อ Project\ชื่อ Solution\bin\Debug ไป Save ไว้ใน Path C:\Program Files\Microsoft Visual Studio 9.0\Common7\IDE\PrivateAssemblies\ProjectItems\ReportProject    (ในที่นี้เป็นของ Visual Studui 2008 คะ) ครั้งต่อไป เมื่อเราจะสร้าง Report ที่มีรูปแบบเหมือนๆกัน ก็ให้ New Report  โดยไปเรียก Report ที่เราได้สร้างไว้เป็น Template นี้ขึ้นมาได้เลยคะ
sharepoint_reporting_service_template

                      หรือเราจะสร้าง Report Template แล้ว Save ไปไว้ที่ Path C:\Program Files\Microsoft Visual Studio 9.0\Common7\IDE\PrivateAssemblies\ProjectItems\ReportProject ตั้งแต่แรกเลยก็ได้คะ


                      มีโอกาสได้ทำ Report จาก Reporting Service ซึ่งนำไปแสดงบน SharePoint เลยนำมาแบ่งปันคะ โดยข้อมูลที่นำมาใช้ทำ Report มาจาก SharePoint List  ขั้นตอนตามนี้คะ
              1. เปิด Microsoft Visual Studio
              2. ไปที่เมนู File  แล้ว New Project ขึ้นมา
              3. ส่วนของ Project types เลือกเป็น Business Intelligence Projects
              4. ส่วนของ Templates เลือกเป็น Report Server Project
              5. ตั้งชื่อ Project  แล้วกด OK
              6. จากนั้น ดูตรง Solution Explorer (หน้าต่างด้านขวามือ) จะมีทั้ง
                          Shared Data Sources : แหล่งที่มาของข้อมูล (แต่เป็นแบบใช้ร่วมกัน) เช่น Sharepoint List, SQL Server, XML, ODBC เป็นต้น
                          Shared Datasets : กลุ่มข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้าง Report (แต่เป็นแบบใช้ร่วมกัน) เช่น ถ้า Data Source เป็น Sharepoint List แล้ว Dataset ก็คือพวก List ที่เราเอามาสร้างเป็น Report นั่นเอง
                          Reports : ไว้สำหรับเก็บไฟล์ Report ของเรา (นามสกุล .rdl)
              7. ก่อนจะสร้าง Report เราก็ต้องระบุ Data Source และ Dataset ก่อนเสมอ ซึ่งถ้าเราไม่สร้างเป็นแบบ Shared ก็ไปสร้างต้อง New Report ก็ได้ ดังขั้นตอนที่ 8
              8. คลิกขวาที่ Folder Report และเลือก Add> New Item
              9.  เลือก Report และตั้งชื่อให้กับ Report
             10. ดูที่หน้าต่างด้านซ้าย Report Data คลิกขวาที่ Folder Data Sources เลือก Add Data Sources
             11. จะมีให้เลือกว่าจะสร้าง Data Sources ให้กับ Report ตัวนี้เลย หรือจะใช้ Data Sources ที่ได้สร้างไว้ก่อนแล้วที่ Shared Data Sources ในที่นี้ จะเลือกแบบ Embedded connection
             12. Type เลือกแบบ Microsoft Sharepoint List
             13. ส่วนของ Connection string ให้ใส่เป็น Url ของเว็บ Sharepoint ที่บรรจุ List ที่เราต้องการนำมาสร้างเป็น Report เรา เช่น http://xxx.xxx

sharepoint reporting service
             14. ส่วนของ Credential ติ๊กช่องแรก คือ Use Windows Authentication (Integrating Security)
sharepoint reportingservice
             15. กดปุ่ม OK
             16. จากนั้นคลิกขวาที่ Folder Data Set เลือก Add Data Set
             17. ตั้งชื่อที่ช่อง Name
             18. เลือกว่าจะใช้ Dataset แบบ Shared หรือจะ Embedded ไปกับ Rerport เลย ในที่นี่ เลือกเป็น แบบที่ 2 คือ Use a dataset embedded in my report.
             19. ช่อง Data sources ให้คลิกเลือก Data Sources ที่เราได้สร้างไปก่อนหน้านี้

sharepoint reportingservice
             20. ช่อง Query ให้คลิกปุ่ม Query Designer  จากนั้นจะแสดงหน้าต่าง Query Designer ให้เราเลือก List ที่ต้องการใช้ข้อมูลมาทำ Report(โดยมันจะแสดง List ทั้งหมดที่มีอยู่บน Url ของ SharePoint ที่เราได้ใส่ไปที่ขั้นตอนที่ 13)
             21. ให้ติ๊กที่ Checkbox หน้า List ที่เราจะนำข้อมูลมาทำ Report  ซึ่งสามารถติ๊กเลือกเฉพาะบางฟิลด์ของ List นั้นก็ได้ จากนั้น คลิก OK (ตัวอย่าง จะแสดงเฉพาะฟิลด์ Titile และ Email_Dean)

sharepoint reportingservice
             22. กลับมาที่หน้าต่าง Dataset Properties คลิกที่แถบ Fields ที่ด้านซ้ายมือ จะแสดงฟิลด์ที่เราได้เลือกมาจากขั้นตอนที่ 21
             23. ถ้าหากอยากจะกรองข้อมูลที่นำมาใช้ทำ Report ก็ให้ไปที่แถบ Filter 
             24. ที่ช่อง Expression คลิก Dropdow menu เลือกฟิลด์ที่เราจะกรอง (ตัวอย่าง จะให้ข้อมูลใน Report ไม่แสดงรายชื่ออีเมลของคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ตรงนี้เราก็จะเลือกฟิลด์ [Title]) 
             25. ที่ช่อง Operation คลิก Dropdow menu เลือกตัวดำเนินการ  (ตัวอย่าง ในที่นี้เลือกเป็นเครื่องหมาย <> )
             26. ที่ช่อง Value สามารถพิมพ์ค่าลงไปได้เองหรือจะใช้สูตรโดยกดปุ่ม fx ก็ได้ (ตัวอย่าง พิมพ์คำว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์) และคลิกปุ่ม OK

sharepoint reportingservice
             27. กลับมาที่หน้า Design Report ให้คลิกขวา  เลือกเมนู Insert > Table
             28. จะแสดง Table ให้เราใส่ข้อมูลจากฟิลด์ที่เราเลือกมาได้ โดยลากชื่อฟิลด์ที่อยู่ใต้ Dataset ที่อยู่แถบซ้ายมือมาวางไว้ที่ Column บน Table ได้เลย
             29. เราสามารถปรับแต่งตัวอักษรรวมทั้งตกแต่งให้สวยงามได้เหมือนที่เราใช้ Word รวมถึงการปรับยืดหด Table ก็จับลากยืดหดได้เหมือนกัน หรือจะลบหรือเพิ่ม Column ก็ให้คลิกขวาที่หัว Column เพื่อ Add หรือ Delete Column

sharepoint reportingservice
            30. เมื่อปรับแต่งจนเป็นที่พอใจแล้ว อย่าลืมกด Save นะคะ แล้วกดแถบ Preview เพื่อดูรูปแบบและข้อมูลของ Report ที่เราสร้างไปคะ

sharepoint reportingservice
            31. ทีนี้เราก็จะเอา Report ไปไว้บน SharePoint โดยไปที่ Path  C:\Users\xxx\Documents\Visual Studio 2008\Projects\Report Project1\Report Project1\bin\Debug แล้ว ทำการ Upload  File .rdl ที่เป็น Report ของเรา ไปใว้บนเว็บ SharePoint ของเรา ที่ Document Libray ของเรา  (โดยไฟล์นี้จะไม่มี Data ที่เป็นข้อมูลใน List  ฝังไปด้วย สังเกตว่าขนาดไฟล์จะไม่ใหญ่มาก) ในตัวอย่าง จะเป็นไฟล์ชื่อ Report3 คะ

sharepoint reportingservice
          32. แล้วลองไปเปิดไฟล์ที่เว็บ SharePoint ก็จะได้ Report ที่ต้องการแล้วคะ

sharepoint reportingservice

            ลองทำกันดูนะคะ


      วันนี้มีผู้ดูแลเว็บ SharePoint อีกคนแจ้งมาว่า เข้า SharedServices ใน Central Adamin ไม่ได้เลย พอเข้าไปตรวจสอบดูก็พบว่า ไม่มีสิทธิ์อยู่คะ เลยต้องทำการเพิ่มสิทธิ์ให้ ซึ่งขั้นตอนมีนิดเดียวเองคะ ตามนี้เลย
1. ไปที่ Central Administration
2. คลิกที่ Application Management
3. ดูที่หัวข้อ Application Security  และคลิกที่ Policy for Web application
4. จากนั้น ดูที่หัวมุมขวาบน ตรง Web Application : ให้คลิก Dropdown Menu เพื่อ Change Web Application
5. เลือก Web Application ที่เป็นที่อยู่ของ SharedServices ของคุณ
6. กด Add Users
7. ตรง  Select the Zone ให้เลือกเป็น All Zones และคลิก Next
8. ส่วน Choose Users ให้เลือก User ที่ต้องการ
9. ส่วน Choose Permissions ให้ติ๊ก Check box ตรงช่อง

แค่นี้ ก็เพิ่มสิทธิ์ให้เค้าเรียบร้อยแล้วคะ ^^


                     ช่วงนี้ ไม่ได้เข้ามาอัพบล๊อคนานพอดู เพราะงาน SharePoint กองโตคะ –”  วันนี้มีคนถามเข้ามาเรื่อง Cascading Dropdown List ใน SharePoint 2010 เลยเข้ามาอัพเดทให้ทราบเลยแล้วกันนะคะ
ซึ่งวิธีนี้มีการนำ JQuery เข้ามาช่วยด้วย  ต่างจากที่เนตเคยอัพบล๊อค ในเรื่อง  วิธรการทำ Cascading Dropdown List ใน SharePoint 2007 เพราะเห็นว่าตัวใหม่นี้ใช้งานได้ดีกว่าคะ ไม่มีการรีเฟรชหน้าเมื่อมีการเลือก item ใน Combo Box 
           ตัวอย่างการสร้าง Cascading Dropdown List ใน SharePoint 2010 
            โดยในตัวอย่างนี้ จะเป็นการสร้าง Cascading Dropdown List ในส่วนของการเลือกภาควิชาในคณะนั้นๆ
          1. สร้าง Faculties List เก็บรายชื่อคณะ
cascading dropdownlist sharepoint2010
 

          2. สร้าง Majors List เก็บรายชื่อภาควิชา  และสร้าง Column ที่ Lookup ค่าส่วนของคณะ มาจาก Faculties List ดังรูป

cascading dropdownlist sharepoint2010

               * ส่วนของสร้าง Lookup column  ไปที่ List Settings >  Create Column และกำหนดค่าดังรูปด้านล่าง *

 cascading dropdownlist sharepoint2010

             เมื่อสร้าง Majors List เสร็จแล้ว จะปรากฎดังรูป
cascading dropdownlist sharepoint2010

          3. ให้ Download ไฟล์ jquery-1.3.2.min.js และ jquery.SPServices-0.5.6.min.js ตาม Link ด้านล่างเลยคะ
                        jquery-1.3.2.min.js >> http://code.google.com/p/jqueryjs/downloads/detail?name=jquery-1.3.2.min.js
                        jquery.SPServices-0.6.0.min.js >> http://spservices.codeplex.com/  (ไฟล์ Zip เมื่อแตกมาแล้วจะได้ 2 ไฟล์)
          4. เมื่อ Download ไฟล์มาแล้ว ให้ Upload  ไฟล์เหล่านี้ ไปที่ Document Library  (ในรูปยังเป็น 0.5.8 อยู่หนะคะ)
jquery spservice sharepoint2010
                         

          5. สร้าง List ที่ต้องการใช้ Cascading Dropdown List  จากตัวอย่าง ชื่อ TestList

cascading dropdownlist sharepoint2010
           cascading dropdownlist sharepoint2010

          6. จากนั้นใช้โปรแกรม SharePoint Designer เปิดไฟล์หน้า NewForm.aspx ของ List นี้ (อย่าลืม Checked Out File ที่จะแก้ไขนี้ก่อนนะคะ) 
              และค้นหา Tag 
 <asp:Content ContentPlaceHolderId=”PlaceHolderMain” runat=”server”> และแปะ  Code ด้านล่าง หลัง Tag นี้ได้เลยคะ 
              Download Code ได้ที่นี่คะ
          7. Save ไฟล์ที่แก้ไขนี้ และทำการ Check-in ด้วยนะคะ 
          8. หลังจากเราแก้ในไฟล์ NewForm.aspx ไปแล้ว ก็ต้องไปแก้ในไฟล์ EditForm.aspx ด้วยนะคะ เพราะไม่อย่างนั้น เราก็จะใช้ Cascading Dropdown List ตอนที่ New Item ขึ้นมาอย่างเดียว ซึ่งขั้นตอนที่ทำใน EditForm.aspx ก็เหมือนขั้นตอนที่ 6 ทุกอย่างคะ
          9. ทดสอบ โดยการไปเปิด TestList ที่สร้างจากขั้นตอนที่ 5 ดู พบว่า เมื่อเราเลือกคณะแล้ว ส่วนของภาควิชาก็จะแสดงเฉพาะทีมีอยู่ในคณะที่ได้เลือกเท่านั้น

cascading dropdownlist sharepoint2010 

                              ลองนำไปใช้งานดูนะคะ ^^

 Credit : http://www.c-sharpcorner.com/UploadFile/Roji.Joy/3130/


             หาก Field Date and time ของคุณแสดงเป็นภาษาอังกฤษ เช่น 12/26/2010  รวมถึงปฏิทิน(Calendar) ก็แสดงเป็นแบบอังกฤษ ดังรูป

sharepoint 2010 date time

              แต่ถ้าเราต้องการเปลี่ยนให้แสดงเป็นแบบภาษาไทย เช่น 26/12/2553 จะทำอย่างไร   ไปดูขั้นตอนกันเลยคะ

              1. ไปที่ Site Actions > Site Settings
              2.  ดูที่หัวข้อ  Site Administration คลิกที่ Regional settings 
              3. ที่ Locale เลือกเป็น Thai
              4. และที่ช่อง Set Your Calendar ต้อง Set เป็น Buddhist ด้วยนะคะ
              5. คลิกปุ่ม OK

             เพียงเท่านี้ Field Date and time ของคุณก็จะแสดงเป็นภาษาไทยแล้วคะ ^^

sharepoint 2010 date and time


             วันก่อน เขียนวิธีการสร้าง Audiences ที่ SharePoint 2007 ไปแล้ว วันนี้มาเขียนวิธีสร้างใน SharePoint 2010 บ้างนะคะ 
             เวลาเรากำหนด Target Audience นอกจากเราจะเลือก User จากใน SharePoint Group หรือ จากใน AD แล้ว เราสามารถเลือกได้จาก Audience แต่ เราต้องไปสร้าง Audience ขึ้นมาก่อนนะคะ

 audience sharepoint 2010

               โดยการสร้าง Audience นั้น ต้องไปทำใน Central Admin (SharePoint 2007)  ขั้นตอน ตามนี้คะ
              
ตัวอย่างนี้ เราจะสร้าง Audience ที่เลือก User ที่ได้มาจากการ Import User จาก AD
               โดยจะตั้งชื่อว่า Audience Test โดยจะดึง User ที่มี Work e-mail เป็น  user1@hotmail.com, user2@hotmail.com,user3@hotmail.com
               1. ไปที่ Central Administrator
               2. ไปที่
Application Management
               3. ในส่วน
Service Applications ให้คลิกที่ Manage service applications
               4. ไปที่ User Profile Service Application 
               5. ในส่วน People ให้คลิกที่ Manage Audiences

sharepoint audience
               6. คลิกที่ New Audience
               7. ตั้งชื่อที่ Name และเลือก Owner
                           ตรง Include usere who :
                                     –  Satisfy all of rules(คือ User นั้นมีต้องมีค่าตรงกับทุก Rule)
                                     –  Satisfy any of rules(คือ User นั้นมีค่าตรงกับบาง Rule ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตรงกับ Rule ที่มีทั้งหมด)
                   จากตัวอย่าง เราจะเลือกเป็น   Satisfy any of rules (คือ User นั้นมีค่าตรงกับบาง Rule ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตรงกับ Rule ที่มีทั้งหมด)

sharepoint audience
              6. ต่อมาจะเป็นการตั้ง Rule ว่า User ที่จะดึงมาใส่ใน Audience นี้ต้องมีค่าอย่างไรบ้าง จากตัวอย่างจะสร้างทั้งหมด 3 Rule ดังนี้
                                Rule ที่ 1
                                     – ติ๊กเลือก Property และเลือกค่าเป็น Work e-mail
                                     – ตรง Operator คลิก Dropdown เพื่อเลือกตัวดำเนินการ  จากตัวอย่าง เลือก =
                                     – value : ใส่ค่าที่เราต้องการ จากโจทย์ เช่น หากต้องการ user ที่มี properties Work e-mail เท่ากับ user1@hotmail.com ก็ให้ใส่ค่าเป็น user1@hotmail.com
                                     – กด OK เพื่อเสร็จสิ้นการสร้าง Rule ที่ 1

sharepoint audience
 
                                  จากนั้นกด Add Rule

                                 Rule ที่ 2
                                    – ติ๊กเลือก Property และเลือกค่าเป็น Work e-mail
                                    – ตรง Operator คลิก Dropdown เพื่อเลือกตัวดำเนินการ  จากตัวอย่าง เลือก =
                                    – Value : ใส่ค่าที่เราต้องการ จากโจทย์ เช่น หากต้องการ user ที่มี properties Work e-mail เท่ากับ user2@hotmail.com ก็ให้ใส่ค่าเป็น user2@hotmail.com
                                    – กด OK เพื่อเสร็จสิ้นการสร้าง Rule ที่ 2

                                   จากนั้นกด Add Rule

                                 Rule ที่ 3
                                    – ติ๊กเลือก Property และเลือกค่าเป็น Work e-mail
                                    – ตรง Operator คลิก Dropdown เพื่อเลือกตัวดำเนินการ  จากตัวอย่าง เลือก =
                                    – Value : ใส่ค่าที่เราต้องการ จากโจทย์ เช่น หากต้องการ user ที่มี properties Work e-mail เท่ากับ user3@hotmail.com ก็ให้ใส่ค่าเป็น user3@hotmail.com
                                    – กด OK เพื่อเสร็จสิ้นการสร้าง Rule ที่ 3
               7. คลิก Compile audience เพื่อทำการ Compile Rule ที่เราได้สร้างไปตามขั้นตอนด้านบน

sharepoint audience

               8. หลังจาก Compile แล้ว ตรงส่วนของ Number of members จะปรากฎจำนวนสมาชิกที่สอดคล้องกับ Rule ที่เราได้สร้างไป

sharepoint audience

              ถ้าต้องการจะดูว่า Member มีใครบ้าง ให้คลิกที่ View membership ที่ด้านล่างนะคะ

              ทีนี้ เวลาเราจะเลือก Target Audience  เราก็จะมีกรุ๊ปของ Audience ที่เราได้สร้างไป ให้เราได้เลือกแล้วคะ

sharepoint audience


             เวลาเรากำหนด Target Audience นอกจากเราจะเลือก User จากใน SharePoint Group หรือ จากใน AD แล้ว เราสามารถเลือกได้จาก Audience แต่ เราต้องไปสร้าง Audience ขึ้นมาก่อนนะคะ
sharepoint audience

               โดยการสร้าง Audience นั้น ต้องไปทำใน Central Admin (SharePoint 2007)  ขั้นตอน ตามนี้คะ
              
ตัวอย่างนี้ เราจะสร้าง Audience ที่เลือก User ที่ได้มาจากการ Import User จาก AD
               โดยจะตั้งชื่อว่า Audience Test โดยจะดึง User ที่มี Work e-mail เป็น  user1@hotmail.com, user2@hotmail.com,user3@hotmail.com
               1. ไปที่ Central Administrator
               2. ไปคลิกที่
SharedServices

sharepoint sharedservices providor               3. ไปที่หัวข้อ Audiences แล้วคลิกที่ Audiences
               4. คลิกที่ create audience
               5. ตั้งชื่อที่ Name และเลือก Owner
                           ตรง Include usere who :
                                     –  Satisfy all of rules(คือ User นั้นมีต้องมีค่าตรงกับทุก Rule)
                                     –  Satisfy any of rules(คือ User นั้นมีค่าตรงกับบาง Rule ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตรงกับ Rule ที่มีทั้งหมด)
                   จากตัวอย่าง เราจะเลือกเป็น   Satisfy any of rules (คือ User นั้นมีค่าตรงกับบาง Rule ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตรงกับ Rule ที่มีทั้งหมด)
              6. ต่อมาจะเป็นการตั้ง Rule ว่า User ที่จะดึงมาใส่ใน Audience นี้ต้องมีค่าอย่างไรบ้าง จากตัวอย่างจะสร้างทั้งหมด 3 Rule ดังนี้
                                Rule ที่ 1
                                     – ติ๊กเลือก Property และเลือกค่าเป็น Work e-mail
                                     – ตรง Operator คลิก Dropdown เพื่อเลือกตัวดำเนินการ  จากตัวอย่าง เลือก =
                                     – value : ใส่ค่าที่เราต้องการ จากโจทย์ เช่น หากต้องการ user ที่มี properties Work e-mail เท่ากับ user1@hotmail.com ก็ให้ใส่ค่าเป็น user1@hotmail.com
                                     – กด OK เพื่อเสร็จสิ้นการสร้าง Rule ที่ 1

sharepoint audience
 
                                  จากนั้นกด Add Rule

                                 Rule ที่ 2
                                    – ติ๊กเลือก Property และเลือกค่าเป็น Work e-mail
                                    – ตรง Operator คลิก Dropdown เพื่อเลือกตัวดำเนินการ  จากตัวอย่าง เลือก =
                                    – Value : ใส่ค่าที่เราต้องการ จากโจทย์ เช่น หากต้องการ user ที่มี properties Work e-mail เท่ากับ user2@hotmail.com ก็ให้ใส่ค่าเป็น user2@hotmail.com
                                    – กด OK เพื่อเสร็จสิ้นการสร้าง Rule ที่ 2

                                   จากนั้นกด Add Rule

                                 Rule ที่ 3
                                    – ติ๊กเลือก Property และเลือกค่าเป็น Work e-mail
                                    – ตรง Operator คลิก Dropdown เพื่อเลือกตัวดำเนินการ  จากตัวอย่าง เลือก =
                                    – Value : ใส่ค่าที่เราต้องการ จากโจทย์ เช่น หากต้องการ user ที่มี properties Work e-mail เท่ากับ user3@hotmail.com ก็ให้ใส่ค่าเป็น user3@hotmail.com
                                    – กด OK เพื่อเสร็จสิ้นการสร้าง Rule ที่ 3
               7. คลิก Compile audience เพื่อทำการ Compile Rule ที่เราได้สร้างไปตามขั้นตอนด้านบน

sharepoint audience

               8. หลังจาก Compile แล้ว ตรงส่วนของ Number of members จะปรากฎจำนวนสมาชิกที่สอดคล้องกับ Rule ที่เราได้สร้างไป

sharepoint audience

              ถ้าต้องการจะดูว่า Member มีใครบ้าง ให้คลิกที่ View membership ที่ด้านล่างนะคะ

              ทีนี้ เวลาเราจะเลือก Target Audience  เราก็จะมีกรุ๊ปของ Audience ที่เราได้สร้างไป ให้เราได้เลือกแล้วคะ

sharepoint audience